Timeline - Xehanort

(เขียนขึ้นเมื่อ 28/04/2013)


"ความมืดไม่มีวันถูกทำลาย เราได้แต่ทำให้มันอยู่ในที่ทางของมัน"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทกล่าวต่อเทอร์ร่า
เซอานอร์ท วายร้ายแห่งตำนานเซอานอร์ท
เขาคือคีย์เบลดมาสเตอร์ผู้สั่งสอนเวนตุส ผู้ยึดมั่นในคติที่ว่าแสงสว่างและความมืดควรดำรงอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม เมื่อเซอานอร์ทได้เรียนรู้ว่าผู้ที่สามารถเปิดประตูสู่ Kingdom Hearts ได้จะสามารถสร้าง Realm ใหม่ให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนได้ เขาจึงแสวงหาหนทางที่จะเปิดประตูสู่ Kingdom Hearts เพื่อจะสร้าง Realm ใหม่ที่แสงสว่างและความมืดจะดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล
ระหว่างการเดินทาง เขาได้สร้างร่างแยกขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
เทอร์ร่า-เซอานอร์ท ที่เกิดจากการส่งหัวใจของเขาเข้าไปครอบงำร่างของเทอร์ร่า
อันเซม-ผู้แสวงหาความมืด ร่างฮาร์ทเลสของเขา
เซมุนัส ร่างโนบอดี้ของเขา
เซอานอร์ทคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่นำพาจักรวาลไปสู่ความพินาศ ทั้งการชักนำฮาร์ทเลสจำนวนมากให้มาสู่ Realm of Light และการสร้างกลุ่มจูซังคิคังที่คอยควบคุมโนบอดี้ อีกทั้งยังนำพาความสูญเสียมากมายมาสู่คนที่ขัดขวางแผนการของเขา ทั้งเทอร์ร่าที่ถูกยึดร่าง เวนตุสที่หลับเป็นเจ้าชายนิทรา อควอที่ตกสู่ Realm of Darkness ริคุที่ถูกครอบงำจิตใจ ไคริที่ถูกพาตัวออกมาจากดาวบ้านเกิด และการเปลี่ยนแปลงชีวิตของโซระไปตลอดกาล
ชื่อของ เซอานอร์ท (Xehanort) มาจากการสลับตัวอักษรของคำว่า Another, No Heart, A Throne แล้วเพิ่มตัว X ลงไป
เส้นทางชีวิตของเซอานอร์ท
[ก่อนจะถึง Kingdom Hearts -Birth by Sleep-]
"โลกนี้ช่างเล็กเกินไป"
--เซอานอร์ทรำพันที่เกาะแห่งชะตากรรม

เซอานอร์ท เกิดและเติบโตขึ้นที่เกาะแห่งชะตากรรม ในวัยหนุ่ม เขามีความรู้สึกว่าโลกที่เขาอยู่นั้นมันเล็กเกินไป และมีความปรารถนาที่จะออกไปยังโลกภายนอก (ต่างดาว) วันหนึ่ง ร่างฮาร์ทเลสของเขาที่มีชื่อว่า อันเซม ก็ข้ามกาลเวลามาจากอนาคต และมอบความสามารถในการท่องกาลเวลาให้กับเซอานอร์ทหนุ่ม พร้อมมอบหมายหน้าที่ให้การรวบรวมร่างแยกอีก 12 ร่างที่กระจายอยู่ตามยุคสมัยต่างๆ ให้มารวมตัวกัน

หลังจากทำภารกิจตามที่อันเซมไหว้วานไว้สำเร็จ เซอานอร์ทก็เดินทางกลับมาในยุคของเขา และถูกกลไกลกาลเวลาลบเลือนความทรงจำที่ได้มาจากอนาคต ทว่าความปรารถนาที่จะเดินทางไปยังต่างโลกนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในใจเขา ท้ายที่สุดเขาก็สามารถเดินทางออกจากดาวบ้านเกิด และมาถึง Land of Departure ในที่แห่งนั้นเขาได้พบกับคีย์เบลดมาสเตอร์คนหนึ่ง ซึ่งได้ฝึกสอนการใช้คีย์เบลดให้กับเขา พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่มีชื่อว่า เอราคุส
คีย์เบลดมาสเตอร์ผู้เป็นอาจารย์ของทั้งสองได้สั่งสอนไว้ว่าผู้ใช้คีย์เบลดจะต้องปกป้อง Realm of Light ให้พ้นจากความมืดมิด ทว่าแนวคิดนี้ไม่เป็นที่พอใจของเซอานอร์ทเท่าไหร่นัก บ่อยครั้งเซอานอร์ทก็ชอบแอบเดินทางไปยังดาวอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ในตอนแรกระหว่างการเดินทางข้ามระหว่างดาว เซอานอร์ทก็จะสวมชุดเกราะที่ช่วยปกป้องเขาจากความมืดที่อยู่ระหว่างดาว ทว่าท้ายที่สุดเขาก็เลิกใส่เกราะเพราะเห็นว่าถ้าควบคุมความมืดไว้ได้สำเร็จ เราก็ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดเกราะเพื่อป้องกันความมืด
ภายหลังการฝึกฝนอันยาวนาน เซอานอร์ทและเอราคุสก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคีย์เบลดมาสเตอร์ด้วยกันทั้งคู่ แต่เฉพาะเอราคุสเท่านั้นที่ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอด ที่จะได้มีสิทธิปกครอง Land of Departure ต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ เซอานอร์ทที่จบหลักสูตรและไม่ได้เป็นผู้สืบทอด จึงสามารถเดินทางไปยังดาวต่างๆ ได้ตามใจชอบ และด้วยฐานะของคีย์เบลดมาสเตอร์ เขาจึงเริ่มฝึกสอนลูกศิษย์ให้เป็นผู้ใช้คีย์เบลดรุ่นต่อไป
"ว่ากันว่าความพินาศย่อมนำมาซึ่งการสร้างใหม่ แล้วสงครามคีย์เบลดล่ะนำพาอะไรมา? เมื่อความมืดเข้าปกคลุม พวกเราจะได้พบแสงสว่างตามที่ตำนานได้กล่าวไว้หรือไม่? ข้าต้องรู้คำตอบให้ได้ X-เบลดต้องถูกสร้างขึ้นมา แล้วประตูสู่สงครามคีย์เบลดก็จะเปิดออก"
--เซอานอร์ทกล่าวกับเอราคุส

ตลอดการเดินทางของเซอานอร์ท เขาได้เรียนรู้เรื่องราวที่เล่าสืบทอดมาเกี่ยวกับคีย์เบลด เรื่องของฮาร์ทเลส ปริศนาของสงครามคีย์เบลด และ Kingdom Hearts สิ่งต่างๆ ที่เรียนรู้มาทำให้เซอานอร์ทเกิดแนวคิดที่ว่าแสงสว่างและความมืดควรจะดำรงอยู่ร่วมกันอย่างทัดเทียม ทว่าที่ผ่านมา แสงสว่างเป็นฝ่ายที่ข่มเหงความมืด และทำลายสมดุลไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเปิดประตูสู่ Kingdom Hearts เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังในการสร้าง Realm ใหม่ที่สมดุล ในบั้นปลาย เขาก็ค้นพบหนทางที่จะสร้าง X-เบลด เทียมตามตำนานออกมา และมุ่งหมายที่จะริเริ่มสงครามคีย์เบลดขึ้นอีกครั้ง ทว่าในตอนนั้น เซอานอร์ทก็เข้าสู่วัยชราแล้ว เขาจึงวางแผนที่จะใช้คีย์เบลดดึงหัวใจของเขาออกมาจากร่าง แล้วถ่ายมันเข้าไปในร่างกายของคนหนุ่ม เพื่อจะยืดชีวิตของเขาออกไป ตราบจนกว่าเป้าหมายของเขาจะบรรลุ
ครั้งหนึ่ง เซอานอร์ทได้เคยพูดคุยเรื่องการริเริ่มสงครามคีย์เบลดขึ้นอีกครั้งกับเอราคุส แต่เมื่อเอราคุสเห็นว่าเซอานอร์ททำไปเพียงเพื่อสนองความกระหายใคร่รู้ ก็ได้พยายามห้ามปรามไว้ และแม้เอราคุสจะใช้กำลังขัดขวางเซอานอร์ท แต่เซอานอร์ทก็ใช้พลังแห่งความมืดไล่เอราคุสออกไปได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้นำมาซึ่งแผลเป็นบนใบหน้าของเอราคุส

ท้ายที่สุด เซอานอร์ทก็ได้พบรับ เวนตุส มาเป็นลูกศิษย์ จากการสั่งสอนทำให้เซอานอร์ทพบว่าเวนตุสอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นร่างใหม่ให้กับเขา แต่แล้วเซอานอร์ทก็ตัดสินใจใช้เวนตุสสร้าง X-เบลดขึ้นมา ในตอนแรกเขาพยายามกระตุ้นความมืดในหัวใจของเวนตุสให้ตื่นขึ้น แต่ก็ล้มเหลว ต่อมาเขาจึงใช้คีย์เบลดสกัดความมืดในหัวใจของเวนตุสออกมาโดยตรง ทำให้เกิดเป็น วานิทัศ จากเหตุการณ์นี้ทำให้หัวใจของเวนตุสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และอยู่ในสภาพเจียนตาย เซอานอร์ทจึงพาเวนตุสไปยังเกาะแห่งชะตากรรมเพื่อจะให้เวนตุสได้ตายอย่างสงบ ทว่า ณ ที่แห่งนั้น หัวใจของเวนได้เชื่อมโยงเข้ากับหัวใจของโซระที่พึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ได้อย่างปาฏิหาริย์ ด้วยการที่หัวใจของทั้งสองเชื่อมโยงเข้าด้วยกันนี้ หัวใจของเวนตุสก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา เซอานอร์ทจึงเห็นว่าเวนตุสยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้าง X-เบลดขึ้นมาได้
ต่อมาเซอานอร์ทได้พาเวนตุสไปฝากให้เอราคุสช่วยเลี้ยงดูและฝึกสอนให้เป็นผู้ใช้คีย์เบลด เพื่อทำให้แสงสว่างในตัวเวนตุสเข้มแข็งขึ้น และเพื่อให้เวนตุสอยู่ห่างจากวานิทัศ เซอานอร์ทเชื่อว่าเอราคุสที่ยึดมั่นใจแสงสว่างจะช่วยฝึกให้เวนตุสมีแสงสว่างที่เข้มแข็ง ตรงข้ามกับวานิทัศที่จะกลายเป็นความมืดอันแข็งกล้า เมื่อถึงวันหนึ่งที่ทั้งสองได้มาต่อสู้กัน X-เบลดก็จะถือกำเนิดขึ้นมา
แม้เอราคุสจะมีปัญหากับเซอานอร์ท แต่เอราคุสก็ไม่ปฏิเสธที่จะเลี้ยงดูเวนตุส เขาได้รับเวนตุสเป็นลูกศิษย์ และฝึกสอนเวนตุสร่วมกับลูกศิษย์คนปัจจุบันอย่างเทอร์ร่าและอควอ ในตอนนั้นเอง เซอานอร์ทที่ได้เห็นเทอร์ร่าผู้กระหายซึ่งพลัง ก็ตัดสินใจจะใช้เทอร์ร่าเป็นร่างใหม่ของเขา
[Kingdom Hearts Birth by Sleep]
"สืบหาความมืดที่รบกวนสมดุล ค้นหาวานิทัศแล้วจัดการเข้าเสีย... มาสเตอร์เทอร์ร่า"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทพูดชักจูงเทอร์ร่า

ไม่กี่ปีต่อมา มาสเตอร์เอราคุสได้เชิญมาสเตอร์เซอานอร์ทมายัง Land of Departure เพื่อมาเป็นสักขีพยานให้กับเทอร์ร่าและอควอผู้กำลังจะกลายเป็นคีย์เบลดมาสเตอร์ เซอานอร์ทตอบรับคำเชิญ แต่เขาชี้ว่าเทอร์ร่าอาจมีพลังความมืดอยู่ในตัว จึงแนะนำให้เอราคุสจัดการทดสอบความเป็นมาสเตอร์ให้กับศิษย์ทั้งสอง ระหว่างการทดสอบนั้น เซอานอร์ทได้แอบใช้ความมืดลูกบอลแสงซึ่งเป็นอุปกรณ์ทดสอบอย่างหนึ่ง ซึ่งมันได้กระตุ้นความมืดในตัวของเทอร์ร่าให้เผยออกมาในระหว่างที่เขาประลองกับอควอ เมื่อการทดสอบจบลง เอราคุสก็แต่งตั้งให้อควอเป็นมาสเตอร์ และประกาศว่าเทอร์ร่าไม่ผ่านการทดสอบเพราะไม่สามารถสะกดความมืดไว้ได้ ต่อมาเซอานอร์ทจึงบอกกับเทอร์ร่าว่าเขาไม่ควรกลัวความมืด แต่ให้เรียนรู้การควบคุมมันไว้ให้ได้ จากนั้นเซอานอร์ทก็เดินทางออกจากดาวไปโดยใช้ Corridor of Darkness ทำให้เอราคุสไม่สามารถแจ้งเรื่องการคุกคามของอันเวิร์สได้ มาสเตอร์เอราคุสได้มอบหมายให้อควอและเทอร์ร่าจัดการกับอันเวิร์ส และตามหามาสเตอร์เซอานอร์ท ส่วนวานิทัศก็หลอกล่อเวนตุสให้ไล่ตามเทอร์ร่าไป

ระหว่างการเดินทาง มาสเตอร์เซอานอร์ทได้พบกับนางแม่มดผู้ชั่วร้าย มาเลฟิเซนต์ เขาได้อธิบายเรื่องการมีอยู่ของดาวอื่นๆ เจ้าหญิงแห่งหัวใจ และ Kingdom Hearts ให้เธอฟัง และยังพูดถึงการช่วงชิงหัวใจของผู้อื่นโดยใช้คีย์เบลด และเตือนให้รู้ถึงผู้ใช้คีย์เบลดทั้งสามที่ไล่ตามเขามายังโลกของเธอ
จากนั้นไม่นาน มาสเตอร์เซอานอร์ทก็ได้เชิญเทอร์ร่าไปยังดาวสุสานคีย์เบลด และเล่าเรื่องของวานิทัศและความเกี่ยวข้องกับอันเวิร์สให้ฟัง เขายังโกหกเทอร์ร่าอีกว่าในอดีตนั้นระหว่างที่เขาฝึกเวนตุสอยู่ ก็เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้เวนตุสจำนนต่อความมืด เซอานอร์ทจึงต้องเฉือนส่วนที่เป็นความมืดออกมาจากหัวใจ วานิทัศจึงได้เกิดขึ้นมา แล้วเซอานอร์ทก็ขอร้องให้เทอร์ร่าช่วยหยุดยั้งวานิทัศให้ด้วย โดยแนะนำว่าวานิทัศน่าจะอยู่ที่ดาวสวนประกายแสง
เมื่อมาถึงดาวสวนประกายแสง เทอร์ร่าก็เห็นมาสเตอร์เซอานอร์ทเดินเข้าไปที่ปราสาทในเมือง แต่เขาก็ถูกอันเวิร์สยักษ์เบี่ยงเบนความสนใจจนคลาดสายตาไป ระหว่างนั้นเซอานอร์ทก็ได้รู้จักและเข้าเป็นพันธมิตรกับไบรก์ พวกเขาช่วยกันเล่นละครทำเป็นว่าเซอานอร์ทถูกไบรก์ลักพาตัวไปเพื่อที่จะบีบให้เทอร์ร่าใช้พลังแห่งความมืดออกมา ซึ่งเทอร์ร่าก็เผลอปลดปล่อยแห่งความมืดออกมาจริงๆ ทำให้แก้มซ้ายของไบรก์เกิดรอยแผลเป็นและได้รับบาดเจ็บจนตาขวาบอด เมื่อไบรก์หนีไป เซอานอร์ทก็เข้ามาปลอบโยนเทอร์ร่าผู้ว้าวุ่น และเสนอให้เทอร์ร่าเชื่อฟังการชี้นำของเขา เพื่อที่พวกเขาจะไล่ตามหนทางแห่งการรักษาสมดุลระหว่างแสงสว่างและความมืดด้วยกัน เขายกยอเทอร์ร่าเป็นมาสเตอร์คนใหม่ และขอให้เทอร์ร่าออกเดินทางตามหาวานิทัศต่อไป
หลังจากที่เทอร์ร่าไปจากดาวสวนประกายแสงแล้ว ไบรก์ที่บาดเจ็บก็กลับมาต่อว่ามาสเตอร์เซอานอร์ท ที่เป็นคนคิดแผนที่ทำให้เขาต้องบาดเจ็บแบบนี้ แต่ไบรก์ก็คิดได้ว่ายังไงก็ดีกว่าการที่ต้องเสียหัวใจไป เซอานอร์ทบอกว่าเซอานอร์ทไม่สามารถช่วงชิงหัวใจของใครได้หรอก เพราะเขาเองต่างหากที่เป็นคนช่วงชิงหัวใจของออโรร่าไป

จากนั้น มาสเตอร์เซอานอร์ทก็ให้วานิทัศไปลักพาตัวมิคกี้เมาส์มา เพื่อล่อให้เวนตุสมายังดาวสุสานคีย์เบลด ซึ่งเขาก็ได้เปิดเผยเรื่องราวในอดีตของเวนตุส และแผนในการสร้าง X-เบลด ของเขา และยังเป่าหูเวนตุสอีกว่าเหตุที่มาสเตอร์เอราคุสไม่ยอมให้เวนตุสออกมาจาก Land of Departure ก็เพื่อป้องกันการกำเนิดของ X-เบลด อีกทั้งที่เอราคุสไม่ยอมบอกความจริงเรื่องนี้ให้เวนตุสฟังก็เพราะเอราคุสไม่เชื่อใจเวนตุส จากนั้นเซอานอร์ทก็ส่งเวนตุสไปยังดาว Land of Departure ด้วยความคาดหวังว่าเวนตุสจะไปเผชิญหน้ากับเอราคุส เสร็จแล้วเซอานอร์ทก็รีบติดต่อเทอร์ร่าแล้วเป่าหูให้เทอร์ร่ารีบตามไปช่วยเวนตุส ซึ่งเทอร์ร่าก็มาช่วยเวยตุสได้ทัน เขาโยนเวนตุสเข้าช่องวาร์ปไป จากนั้นก็ต่อสู้กับเอราคุสแทน เมื่อสู้ไปได้สักพักทั้งสองก็เสียใจกับการกระทำของตนและยุติการต่อสู้ลง ทว่าเซอานอร์ทก็ปรากฏตัวขึ้นมาปลิดชีพเอราคุสแทน ร่างของเอราคุสก็เลือนหายไปในอ้อมแขนของเทอร์ร่า
เซอานอร์ทเปิดเผยแผนการแท้จริงที่อยากให้เทอร์ร่าจำนนต่อความมืดให้เทอร์ร่าฟัง ว่าแล้วเซอานอร์ทก็ล่อเทอร์ร่าให้ไปเผชิญหน้ากันที่ดาวสุสานคีย์เบลด โดยขู่ว่าเวนตุสและอควอจะต้องตายอยู่ที่นั่น จากนั้นเซอานอร์ทก็เรียกคีย์เบลดขึ้นมาปลดปล่อยความมืดมิดที่เข้าทำลายดาวทั้งดวง เหลือไว้เพียงตัวปราสาทที่เอราคุสใช้ฝึกสอนลูกศิษย์เรื่อยมา แล้วเซอานอร์ทก็หนีไป

(ระหว่างนี้เมื่อเทอร์ร่า เวนตุส และอควอ ย้อนกลับมาที่ดาว Land of Departure อีกครั้ง พวกเขาจะพบกับเซอานอร์ทตอนหนุ่มที่ข้ามกาลเวลามา และปกปิดตัวตนไว้ด้วยชุดคลุมสีดำ หลังจากเซอานอร์ทหนุ่มพ่ายแพ้ก็จะหนีไปช่วงยุคอื่นต่อไป)
เทอร์ร่า เวนตุส และอควอ เดินทางไปเผชิญหน้ากับมาสเตอร์เซอานอร์ทและวานิทัศที่ดาวสุสานคีย์เบลด ที่ซึ่งเซอานอร์ทได้แสดงพลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ของเขาออกมา ไม่ว่าเวทย์ธาตุดินที่รุนแรงขนาดสร้างหน้าผายักษ์ขึ้นมาได้ หรือเวทย์ธาตุลมที่สร้างกระแสลมพายุซึ่งหอบเอาคีย์เบลดมากมายไล่ถล่มพวกเทอร์ร่า จนเทอร์ร่าพลัดตกหน้าผาไป ส่วนเวนตุสก็ถูกเซอานอร์แช่แข็งแล้วโยนตกจากผา ทว่าอควอก็ตามไปรับไว้ได้ทัน จากนั้นเซอานอร์ทก็ปล่อยพลังเวทย์ขึ้นไปบนฟ้า ทำให้เมฆหมอกด้านบนเปิดออก เผยให้เห็น Kingdom Hearts ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างลี้ลับ

เทอร์ร่าตามขึ้นไปบนยอดผาอีกครั้ง ขณะที่วานิทัศก็ลงจากผามาหาเวนตุส เซอานอร์ทจึงมีโอกาสได้สู้ตัวต่อตัวกับเทอร์ร่า ซึ่งเซอานอร์ทก็ยั่วให้เทอร์ร่าปลดปล่อยพลังความมืดออกมา ขณะที่การต่อสู้ใต้ผาระหว่างเวนตุสกับวานิทัศกำลังเข้มข้น เซอานอร์ทก็ใช้คีย์เบลดของเขาดึงหัวใจออกจากร่าง และส่งหัวใจของเขาเข้าไปสิงสถิตในร่างของเทอร์ร่า ด้วยความตั้งใจที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวอยู่จนกว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ของสงครามคีย์เบลด ตอนนั้นเอง เทอร์ร่า-เซอานอร์ทก็ได้กลายเป็นตัวตนใหม่ของเซอานอร์ท ขณะที่ร่างเก่าของเขาก็หายไปในแสงสว่างพร้อมกับรอยยิ้ม
[Blank Points]
"แกเป็นเพียงหนึ่งในหนทางอันมากมาย ที่ข้าได้เลือกไว้เท่านั้น"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทกล่าวกับเทอร์ร่า

มาสเตอร์เซอานอร์ทยังคงต่อล่อต่อเถียงกับเทอร์ร่าภายในร่างของเซอานอร์ทคนใหม่ ซึ่งเซอานอร์ทก็ยืนยันว่าในไม่ช้าหัวใจของเทอร์ร่าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา แต่กระนั้นเทอร์ร่าก็เชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถขับไล่มาสเตอร์เซอานอร์ทออกไปได้ นอกจากนี้มาสเตอร์เซอานอร์ทยังพบว่าเทอร์ร่าได้ให้หัวใจของเอราคุสอาศัยอยู่ในหัวใจของเขาด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้เทอร์ร่าสามารถต้านทานความมืดได้นานกว่าที่คาดเอาไว้ ทว่าเซอานอร์ทก็ได้เปรยไว้ว่าเขายังมีแผนอื่นๆ ที่ดำเนินไปพร้อมกันอีกเพียบ
[ระหว่าง Kingdom Hearts Birth by Sleep และ Kingdom Hearts II]
มาสเตอร์เซอานอร์ทได้เตรียมแผนรองรับมากมายไว้เผื่อในกรณีที่แผนการสร้าง X-เบลด จากเวนตุสและวานิทัศจบลงด้วยความล้มเหลว หนึ่งในนั้นก็คือการเข้าหาไบรก์ องครักษ์ที่จอมปราชญ์อันเซมไว้ใจ ให้มารับเป็นที่ปรึกษาและพวกพ้องของ เทอร์ร่า-เซอานอร์ท ที่สูญเสียความทรงจำภายหลังการต่อสู้กับอควอ และด้วยการชี้นำของไบรก์ เซอานอร์ทในร่างใหม่ก็ได้เริ่มต้นทำการทดลองเรื่องธรรมชาติของหัวใจและความมืดที่อยู่ข้างใน ด้วยความมุ่งหมายที่จะหาทางถอดหัวใจของตนออกมาจากร่าง ทั้งเซอานอร์ทและไบรก์ได้ชักจูงลูกศิษย์คนอื่นๆ ของอันเซมให้มาช่วยทำการทดลอง ซึ่งการกระทำนั้นได้เป็นการปลดปล่อยฮาร์ทเลสจำนวนมหาศาลเข้ามาสู่ Realm of Light
ลูกศิษย์ทั้งหลายได้ร่วมกันขับไล่จอมปราชญ์อันเซมไปสู่ Realm of Darkness จากนั้นพวกเขาก็ทำการทดลองกันต่อไป จนกระทั่งหัวใจของพวกเขาเองได้ตกสู่ความมืดมิด ซึ่งตอนนั้นเซอานอร์ทก็ได้ความสามารถในการใช้คีย์เบลดกลับคืนมา เขาถอดหัวใจของไบรก์ออกมาจากร่าง ก่อนที่จะยอมถวายหัวใจให้แก่ความมืด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือร่างฮาร์ทเลสของเขาที่เรียกว่า "อันเซม" อันเป็นการสวมรอยจอมปราชญ์อันเซมตัวจริง อีกทั้งยังเป็นการให้กำเนิดโนบอดี้ผู้มีนามว่า "เซมุนัส"
อันเซมและเซมุนัสต่างช่วยกันดำเนินแผนของมาสเตอร์เซอานอร์ทในคนละส่วน อันเซมได้ชักจูงให้นางแม่มดมาเลฟิเซนต์ช่วยรวบรวมหัวใจแห่งแสงบริสุทธิ์ทั้งเจ็ด ขณะที่เซมุนัสและโนบอดี้ของไบรก์ซึ่งมีชื่อว่า ซิกบาร์ ก็ได้ก่อตั้งองค์กรสิบสาม (จูซังคิคัง) ขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่จะหลอกสมาชิกขององค์กรให้กลายมาเป็นร่างภาชนะสำหรับใส่หัวใจของมาสเตอร์เซอานอร์ท ทว่าอันเซมก็คาดหมายไว้ว่าสมาชิกองค์กรชุดปัจจุบันอาจเป็นภาชนะที่ไม่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้อันเซมที่ปราศจากร่างกาย เป็นเพียงหัวใจ จึงได้เดินทางข้ามกาลเวลาย้อนกลับไปหาเซอานอร์มในวัยหนุ่ม และมอบความสามารถในการท่องกาลเวลาให้ พร้อมมอบหมายให้เซอานอร์ทหนุ่มทำการรวบรวมตัวเขาในร่างต่างๆ จากแต่ละยุคสมัยให้มารวมตัวกัน
ขณะเดียวกัน อันเซมและเซมุนัสต่างก็มีความต้องการจะได้มาซึ่งพลังของ Kingdom Hearts อันเซมจึงควบคุมฮาร์ทเลสให้ไปกลืนกินหัวใจของดวงดาวต่างๆ ซึ่งหัวใจเหล่านั้นก็จะมารวมตัวกันเป็น Kingdom Hearts ที่ส่วนลึกของ End of the World ขณะที่เซมุนัสเองก็ให้ร็อคซัสและซิออนรวบรวมหัวใจจากฮาร์ทเลสประเภท Emblem จากนั้นก็หลอกล่อให้โซระทำแบบเดียวกัน เพื่อสร้าง Kingdom Hearts จากหัวใจของผู้คนขึ้นเหนือฟากฟ้าของดาว The World that Never Was ทว่าแผนเหล่านี้ก็ถูกยับยั้งโดยโซระและผองเพื่อน
[Kingdom Hearts coded]
"คนอย่างเซอานอร์ทคงได้เปิดหนทางทิ้งเอาไว้มากมาย"
--เยนซิดกล่าวต่อมิคกี้
เมื่อมิคกี้กลับไปยังหอคอยปริศนาอีกครั้ง เยนซิดได้อธิบายให้ฟังว่าการทำลายอันเซมและเซมุนัส ได้นำไปสู่การคืนชีพของมาสเตอร์เซอานอร์ทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เยนซิดใคร่ครวญว่าเซอานอร์ทคงได้วางแผนการ เตรียมหนทางให้กับตนเองไว้มากมาย และเยนซิดก็เชื่อว่าในอนาคตพวกเขาอาจต้องปะทะกับเซอานอร์ทมากกว่าหนึ่งคน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสั่งให้มิคกี้ไปเชิญโซระและริคุมายังหอคอย เพื่อเข้ารับการทดสอบเป็นมาสเตอร์
[Kingdom Hearts 3D: Dream Drop Distance]
"ฉันคือเซอานอร์ทจากอดีตอันไกลโพ้นที่สุด ตัวฉันในอนาคตได้มอบหมายหน้าที่ให้ฉันไปพบร่างแยกของฉันในดาวต่างๆ แล้วพาพวกเขามายังที่นี่ในวันนี้"
--เซอานอร์ทหนุ่มกล่าวต่อริคุ
เซอานอร์ทหนุ่มสามารถรวบรวมร่างแยกของเขาจากหลายยุคสมัยให้มารวมตัวกันได้สำเร็จ เมื่อรวมตัวเขาและมาสเตอร์เซอานอร์ทแล้ว ก็นับเป็นจำนวน 12 คน
ในตอนเริ่มการทดสอบความเป็นมาสเตอร์ของโซระและริคุ อันเซมที่ไร้ร่างกายได้ปรากฏตัวขึ้นในชุดคลุมสีน้ำตาล เขาได้สร้างตราสัญลักษณ์แห่งความนอกรีตไว้บนตัวของโซระ ซึ่งสัญลักษณ์นั้นทำให้พวกของเซอานอร์ทสามารถสะกดรอยตามโซระได้ นอกจากนี้พวกเขายังได้ชักจูงโซระให้ไดฟ์ไปตามสถานที่ที่พวกเขาต้องการ

ภายใน Realm of Sleep เซอานอร์ทหนุ่มได้ปรากฏตัวต่อหน้าโซระและริคุหลายครั้งหลายครา โดยมักจะมีอันเซมหรือเซมุนัสติดตามมาด้วยเสมอ เขามักพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโซระกับหัวใจของผู้อื่น เรื่องอดีตอันมืดมนของริคุ และเรื่องที่ว่าพวกเขากำลังติดอยู่ในความฝัน
เนื่องจากริคุสามารถพัฒนาตนเองจนต้านทานต่อความมืดได้ เซอานอร์ทหนุ่มจึงเลือกให้โซระเป็นภาชนะสำหรับการบรรจุหัวใจของมาสเตอร์เซอานอร์ทลำดับที่ 13 ท้ายที่สุดโซระก็ถูกชักจูงออกมายัง The World that Never Was ในส่วนโลกแห่งความจริง ซึ่งไบรก์ (ซิกบาร์) ก็ได้อธิบายให้ฟังว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมาในครั้งนี้ โซระได้เดินไปตามแผนของพวกเขามาโดยตลอด จากนั้นเซอานอร์ทหนุ่มก็ทำให้โซระตกอยู่ในสภาพที่หลับลึก และทำให้โซระเห็นภาพลวงตาในอดีต โซระได้ฝันถึงผู้คนมากมายที่เชื่อมโยงกับเขา แต่ยิ่งเขาไล่ตามภาพลวงตาของความฝันนั้นไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกสู่การหลับใหลที่ลึกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วโซระก็สามารถตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับไบรก์และเซมุนัส ซึ่งทั้งสองก็ได้เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรสิบสาม และยอมรับว่าโนบอดี้สามารถงอกเงยหัวใจขึ้นใหม่ได้ โซระได้ต่อสู้กับเซมุนัสจนทำให้เซมุนัสที่พ่ายแพ้หนีไป แต่การต่อสู้นั้นทำให้เขาอยู่ในสภาพบอบช้ำจนเกือบจะหลับใหล แล้วเซอานอร์ทหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง และย้ำเรื่องว่าตลอดการเดินทางในครั้งนี้โซระเพียงแต่เดินไปตามเส้นทางที่พวกเขาปูพรมไว้ ขณะที่โซระกำลังจะหมดสติไป เซอานอร์ทก็กล่าวทิ้งท้ายว่าโซระจะกลายเป็นสมาชิกองค์กรคนที่ 13 ให้กับพวกเขา
ขณะเดียวกัน ริคุที่มาถึง The World that Never Was ในส่วนโลกแห่งความฝัน ก็สามารถกำจัดอันเซมและออกมายังโลกแห่งความจริงได้ เขาไล่ตามโซระไปจนถึงปราสาทอันเป็นฐานทัพขององค์กรสิบสาม แต่แล้วเซอานอร์ทหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวางริคุไม่ให้เข้าใกล้โซระ เซอานอร์ทหนุ่มที่กลัวริคุและผู้เล่นไม่เข้าใจว่าพวกเขาจับโซระมาทำไม จึงได้กรุณาอธิบายจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรสิบสาม หน้าที่ของเขาในการรวบรวมร่างแยกต่างๆ จากแต่ละยุคสมัย ไล่มาถึงข้อสรุปที่ว่าเขาได้เลือกโซระให้เป็นภาชนะลำดับที่สิบสาม ว่าแล้วสมาชิกคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาทีละคน แต่ก่อนที่มาสเตอร์เซอานอร์ทกำลังจะโผล่ออกมานั้น มิคกี้ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมร่ายเวทย์ Stopza หยุดเวลารอบบริเวณนั้น มาสเตอร์เซอานอร์ทที่จิตมาถึงที่แห่งนั้นแล้ว จึงได้ย้ายจิตของเขาเข้าไปครอบงำร่างกายของเซอานอร์ทหนุ่ม ทำให้เซอานอร์ทหนุ่มสามารถเคลื่อนไหวในเวลาที่ถูกหยุดพร้อมทั้งเรียกคีย์เบลดออกมาได้ เซอานอร์ทหนุ่มที่ถูกมาสเตอร์เซอานอร์ทครอบงำอยู่ได้เข้าต่อสู้กับริคุ ซึ่งริคุดูจะเหนือกว่า ทว่าผลของเวทย์ Stopza ที่มิคกี้ร่ายไว้ก็หมดลง ทำให้กาลเวลากลับมาเดินตามปกติอีกครั้ง มาสเตอร์เซอานอร์ทจึงย้ายจิตกลับเข้าร่างของตนที่ถูกส่งมาถึงแล้ว
"ทว่าชะตากรรม เป็นสิ่งที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้กับความบังเอิญ"
--มาสเตอร์เซอานอร์ทกล่าวต่อมิคกี้

มาสเตอร์เซอานอร์ทยอมรับต่อมิคกี้และริคุว่า ในอดีตเขาได้กระทำการโดยบุ่มบ่ามไป จึงไม่สามารถสร้าง X-เบลด ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เขามีหนทางในการสร้าง X-เบลด อีกวิธีหนึ่ง และนั่นจะทำให้สงครามคีย์เบลดปะทุขึ้นอีกครั้ง เขาเล่าว่าบทสรุปของสงครามคีย์เบลดเมื่อครั้งโบราณกาล ทำให้ Xเบลด ได้แตกออกเป็นความมืดทั้ง 13 และแสงสว่างทั้ง 7 เขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากมาย รวมถึงการให้นางแม่มดมาเลฟิเซนต์ไปจับตัวเจ้าหญิงแห่งหัวใจทั้ง 7 คน และการสร้างองค์กรสิบสามขึ้นมาเป็นภาชนะรองรับความมืดซึ่งก็คือชิ้นส่วนหัวใจของเขาเอง แต่ด้วยการแทรกแซงของริคุและโซระ ความอ่อนแอและการก่อกบฎของสมาชิกบางคน ทำให้แผนที่แบ่งเป็น 2 ส่วนทำท่าว่าจะล้มเหลว แต่กระนั้น อันเซมก็ได้ให้ถ่ายทอดความสามารถในการท่องกาลเวลาให้กับเซอานอร์ทหนุ่ม เซอานอร์ทหนุ่มจึงสามารถสร้างองค์กรสิบสามขึ้นใหม่จากตัวเขาเอง เหล่าร่างแยก และร่างภาชนะอื่นๆ ที่จะจับมาบรรจุหัวใจของเขาลงไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะนำมาเผชิญหน้ากับแสงสว่างทั้ง 7
มาสเตอร์เซอานอร์ทได้แบ่งหัวใจของเขาบางส่วนออกมา แล้วส่งมันเข้าหาโซระ ทว่าด้วยการปรากฏตัวขึ้นขัดขวางของลีอา โดนัลด์ และกู๊ฟฟี่ ก็ทำให้กลุ่มองค์กรที่ยังไม่สมบูรณ์ต้องล่าถอยไปก่อน แต่ก่อนที่มาสเตอร์เซอานอร์ทจะหายไป เขาได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าเมื่อถึงเวลา แสงสว่างทั้ง 7 และความมืดทั้ง 13 ก็จะครบจำนวนของมันเอง
เยนซิดและมิคกี้เห็นพ้องว่าพวกเขาคงต้องยอมเต้นไปตามแผนของมาสเตอร์เซอานอร์ท แต่พวกเขาจะทุเลาปัญหา ด้วยการรวบรวมผู้ใช้คีย์เบลด 7 คนมาเป็นผู้พิทักษ์แสงสว่างที่จะเผชิญหน้ากับความมืดทั้ง 13 แทนเหล่าเจ้าหญิงแห่งหัวใจ


(ภาพบน) เซอานอร์ทในวัยหนุ่ม และเซอานอร์ทในร่างชุดเกราะ

(ภาพบน) เซอานอร์ทหนุ่มที่ท่องกาลเวลามายังยุค Birth by Sleep ในฐานะพี่โม่งปริศนา
ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก KHwiki.net

1 ความคิดเห็น: