นิยามศัพท์เฉพาะในซีรีส์ Kingdom Hearts

ในจักรวาลของ Kingdom Hearts มีคอนเซปต์ที่แตกต่างไปจากโลกแห่งความเป็นจริง จึงมีการสร้างศัพท์เฉพาะขึ้นมามากมายเพื่อเรียกสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างไปจากโลกของเรา อันที่จริงในตัวเกมเองก็มีการอธิบายศัพท์เฉพาะต่าง ๆ กระจายอยู่ในหลายภาคหลายจุดอยู่แล้ว ในที่นี้หนังสือ Kingdom Hearts Series Memorial Ultimania จึงได้รวบรวมศัพท์เฉพาะต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งบอกนิยามคร่าว ๆ เท่าที่เกมเปิดเผยมาจนถึงตอนนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ตามเนื้อเรื่องไม่ทันครับ

1. คีย์เบลด


อาวุธทรงกุญแจที่สามารถนำพาปรากฏการณ์ทั้งหลายให้บังเกิด สามารถทำลายตัวตนแห่งความมืดและปลดปล่อยหัวใจออกมาจากฮาร์ทเลส นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นกุญแจได้ตามชื่อของมัน ซึ่งไม่เพียงสามารถปลดผนึก “หัวใจของดวงดาว” แต่ยังใช้กับรูกุญแจแบบใดก็ได้ และยังนำพาผู้ถือครองไปยังต้นกำเนิดพลังอันยิ่งใหญ่ Kingdom Hearts

แต่แรกเริ่ม คีย์เบลดถูกสร้างขึ้นเป็นอาวุธในการต่อสู้ระหว่างผู้ที่ปรารถนาจะยึดครอง Kingdom Hearts จนนำไปสู่สงครามคีย์เบลด ผลจากเหตุการณ์นั้น ทำให้ผู้ถือครองคีย์เบลดในทุกวันนี้ถือหลักการที่ว่าจะใช้พลังของพวกเขาในฐานะผู้พิทักษ์โลกแห่งแสงสว่าง หรือที่มักเรียกขานกันว่า วีรบุรุษแห่งแสงสว่าง
โดยพื้นฐานแล้ว ผู้ถือครองคีย์เบลดจะมีคีย์เบลดแค่เล่มเดียว แต่การเปลี่ยนพวงกุญแจที่ห้อยคีย์เบลด จะทำให้คีย์เบลดมีรูปร่างและความสามารถใหม่

คีย์เบลดที่เทอร์ร่า อควอ และเวนใช้ สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นยานพาหนะ ทำให้พวกเขาสามารถเดินทางไปมาบนเส้นทางระหว่างดวงดาวได้

2. การเป็นผู้ถือครองคีย์เบลด


เมื่อผ่านพิธีสืบทอดคีย์เบลด ยังต้องได้รับเลือกจากตัวคีย์เบลดเองด้วย พิธีสืบทอดคีย์เบลดนั้นเรียบง่ายเพียงแค่สัมผัสกับคีย์เบลดที่คีย์เบลดมาสเตอร์เป็นเจ้าของ จากนั้นผู้ถือครองคีย์เบลดก็จะได้รับคีย์เบลดเล่มใหม่ที่แตกต่างไปจากเล่มของมาสเตอร์ คีย์เบลดนั้นเลือกผู้ถือครองโดยวัดจากความแข็งแกร่งของหัวใจ โดยไม่คำนึงว่า (หัวใจนั้น) จะดีหรือชั่ว

คีย์เบลดเป็นสัญลักษณ์ของหัวใจอันแข็งแกร่ง และจำนวนคีย์เบลดที่คนเราจะมีได้ ก็เท่ากับจำนวนหัวใจที่คนผู้นั้นมีอยู่ กรณีของโซระนั้นมีหัวใจสองดวง นี่เป็นกรณีถือคีย์เบลดพร้อมกันสองเล่มซึ่งหาได้ยากยิ่ง ทว่ากรณีของโซระนั้นยิ่งหาได้ยากขึ้นไปอีกเพราะเขาไม่ได้ผ่านพิธีสืบทอดคีย์เบลด แต่กลับถือครองคีย์เบลดได้

พิธีสืบทอดคีย์เบลดมายังริคุนั้น กระทำโดยเทอร์ร่า ส่วนของไครินั้นได้สัมผัสกับคีย์เบลดของอควอโดยบังเอิญ ซึ่งก็เข้าเงื่อนของพิธีสืบทอดคีย์เบลดเช่นกัน

3. คีย์เบลดฝั่งโลกแห่งแสงสว่าง และคีย์เบลดฝั่งโลกแห่งความมืด


คีย์เบลดนั้นมีทั้งที่อยู่ในโลกแห่งแสงสว่างและโลกแห่งความมืด ซึ่งตัดสินง่าย ๆ โดยดูว่ามันทำหน้าที่เป็นกุญแจสำหรับไขประตูสู่ Kingdom Hearts จากฝั่งด้านใน หรือฝั่งด้านนอก การเป็นคีย์เบลดฝั่งโลกแห่งความมืดนั้นไม่ได้หมายความว่าจะมีพลังแห่งความมืดใดแฝงอยู่ ในเนื้อเรื่อง คีย์เบลดส่วนใหญ่เป็นคีย์เบลดฝั่งโลกแห่งแสงสว่าง 

ราชามิคกี้ใช้คีย์เบลดฝั่งโลกแห่งแสงสว่างในภาค BBS แต่หลัง KH1 เขาก็เริ่มใช้คีย์เบลดฝั่งโลกแห่งความมืด 

4. คีย์เบลดจากหัวใจของบุคคล


คีย์เบลดพิเศษที่สร้างจากหัวใจของเจ้าหญิงทั้งเจ็ด นอกจากจะมีพลังในการเปิดรูกุญแจสู่ “Kingdom Hearts จากหัวใจของดวงดาวทั้งมวล” ยังมีพลังในการเปิดและถอดหัวใจของบุคคล และพลังในการส่งบุคคลเข้าสู่ความมืดมิด

5. คีย์เบลดมาสเตอร์


ในหมู่ผู้ถือครองคีย์เบลด มีพวกที่เป็นสุดยอดถูกมองว่าเป็นผู้พิทักษ์แห่งแสงสว่าง คนที่ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ของเขา ก็จะกลายเป็นมาสเตอร์ มีเพียงคีย์เบลดมาสเตอร์และผู้ที่มีความสามารถในระดับเดียวกันเท่านั้น ที่จะทำพิธีสืบทอดคีย์เบลดได้ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถถอดหัวใจของตนเอง และส่งผ่านไปยังร่างอื่นได้

ราชามิคกี้ในตอนจบ BBS อควอในตอนเริ่ม BBS และริคุในตอนจบ KH3D ล้วนเป็นคีย์เบลดมาสเตอร์ (มาสเตอร์เอราคุสกับมาสเตอร์เซอานอร์ท ก็เป็นมาสเตอร์เช่นกัน)

มาสเตอร์เอราคุสยังถือครองสถานที่พิเศษในหมู่คีย์เบลดมาสเตอร์ เขาถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดการปกป้อง Land of Departure

6. สงครามคีย์เบลด


สงครามแต่ครั้งโบราณกาลซึ่งเหล่าผู้ถือครองคีย์เบลดเข้าต่อสู่กันเพื่อแย่งชิง Kingdom Hearts ผลลัพธ์คือโลกแห่งแสงสว่างถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดและเลือนหายไป แต่ด้วยแสงสว่างที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในหัวใจของเด็ก ๆ ท้ายที่สุดมันจึงฟื้นกลับมากลายเป็นดวงดาวเล็ก ๆ มากมาย ความจริงเรื่องแสงสว่างและความมืดนี้ถูกเล่าผ่านยุคสมัยจนกลายเป็นนิทานไป

ด้วยความสนใจที่จะทำให้แสงสว่างและความมืดอยู่ในสมดุลตามอุดมคติ มาสเตอร์เซอานอร์ทผู้เชื่อว่าโลกนี้มีแสงสว่างอยู่มากจนเกินไป จึงตั้งใจที่จะทำให้เกิดสงครามคีย์เบลดขึ้นอีกครั้ง

7. χ เบลด


กุญแจในการตามหา Kingdom Hearts ที่แท้จริง อ่านออกเสียงแบบเดียวกับคีย์เบลด แต่คีย์เบลดเล่มอื่น ๆ นั้นเป็นเพียงของเทียมเลียนแบบ นอกจากนี้ยังดำรงอยู่มาตั้งแต่กำเนิดโลก (จักรวาล) เหมือนกับ Kingdom Hearts ที่แท้จริง มันจึงกลายมาเป็นต้นแบบให้กับคีย์เบลดทั้งปวง ระหว่างสงครามคีย์เบลดมันได้แตกออกเป็นแสงสว่างทั้ง 7 และความมืดทั้ง 13 และไม่มีอยู่อีกต่อไป แต่ด้วยสมดุลระหว่างพลังจากหัวใจแห่งแสงบริสุทธิ์และหัวใจแห่งความมืดบริสุทธิ์ มันจะถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
มาสเตอร์เซอานอร์ทพยายามสร้าง χ เบลดมากว่า 10 ปี ใน KH3D เขาและร่างแยกได้ดำเนินการตามแผนและรวมตัวกันเป็นความมืดทั้ง 13 เพื่อที่จะปะทะกับแสงสว่างทั้ง 7 เพื่อฟื้น χ เบลดขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อแสงสว่างจากหัวใจของเวนตุสและหัวใจแห่งความมืดของวานิทัศหลอมเข้าด้วยกัน χ เบลด (เทียม) ที่เกิดขึ้นมีรูปร่างเป็นคีย์เบลดสองเล่มที่ไขว้กันเป็นตัว X
เมื่อความมืดทั้ง 13 และแสงสว่างทั้ง 7 ปะทะกัน χ เบลดจะถือกำเนิดขึ้น มาสเตอร์เซอานอร์ทได้ดำเนินแผนเพื่อการนั้น

8. หัวใจ


ในโลกของ Kingdom Hearts ไม่เพียงผู้คนและสัตว์ แต่ทุกสรรพสิ่งล้วนมีหัวใจ การรวมตัวของหัวใจทุกชนิดจะกลายเป็นหัวใจอันยิ่งใหญ่ – Kingdom Hearts

9. หัวใจของดวงดาว และรูกุญแจ


ดวงดาวที่อยู่ในโลกแห่งแสงสว่างต่างก็มีหัวใจอยู่ภายในดาว หัวใจของดาวนั้นโดยแก่นแท้แล้วก็คือการรวมตัวของหัวใจที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้กับดาวดวงนั้น นอกจากนี้ยังต้องมีรูกุญแจอยู่ในส่วนลึกของดาวแต่ละดวงเสมอ

รูกุญแจไปสู่หัวใจของดาวนั้น ยังเชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดอีกด้วย โดยปกติแล้วรูกุญแจจะปิดอยู่อันเป็นการปกป้องดาวจากความมืด แต่ขณะเดียวกันก็จะไม่มีเส้นทางออกไปนอกดาว หากรูกุญแจเปิด บาร์เรียร์ที่ล้อมรอบดาวอยู่ก็จะถูกทำลาย ฉะนั้นการเข้ามาและออกไปจากดวงดาวก็จะเป็นไปได้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดทางให้ความมืดรั่วไหลเข้ามาในโลกได้ จึงอันตรายเป็นอย่างมาก ใน KH1 หัวใจของดวงดาวต่าง ๆ ถูกเปิดออกทำให้พวกมันเลือนหายไป ดังนั้น โซระและเพื่อนจึงออกเดินทางเพื่อปิดผนึกรูกุญแจ


รูกุญแจไปสู่หัวใจของดวงดาวนั้นถูกซ่อนไว้ลับตา แต่เมื่อชูคีย์เบลดขึ้นมันก็จะปรากฏออกมา

เนื่องจากริคุได้ผ่านพิธีสืบทอดคียืเบลดมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงสามารถมองเห็นรูกุญแจที่คนอื่นมองไม่เห็นได้

10. รูกุญแจที่ถูกผนึกและเปิดผนึก


นอกจากรูกุญแจสู่หัวใจของดวงดาวแล้ว ยังมีรูกุญแจอีกหลากหลายแบบ ในการเดินทางครั้งอื่น ๆ นอกเหนือจาก KH1 คีย์เบลดได้ถูกใช้เปิดรูกุญแจในดาวทั้งหลาย รวมถึงรูกุญแจที่ไม่ใช่รูกุญแจสู่หัวใจของดวงดาวด้วย

เหล่าตัวเอกได้ทำอะไรกับรูกุญแจบ้าง

KH1 – โซระ – เพื่อหยุดยั้งความมืดที่เข้ามาในดาวต่าง ๆ จึงเดินทางไปมาระหว่างดวงดาวด้วยกุมิชิพ เพื่อปิดผนึกหัวใจของดวงดาว

KH2 – โซระ – ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเรียกดวงดาวต่าง ๆ กลับคืนมา เขาจึงต้องเปิดประตูที่ดวงดาวสร้างขึ้นมา เพื่อท่องไปมาระหว่างดาวต่าง ๆ

KH coded – เดต้าโซระ – ด้วยความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเดต้าในบันทึกการเดินทางของจิมินี่ จึงเดินทางไปในเดต้าเวิลด์ และเปิดรูกุญแจของดาวต่าง ๆ เพื่อกำจัดบั๊ค

KH BBS – เทอร์ร่า อควอ เวนตุส – พวกเขาเปิดรูกุญแจที่นำไปสู่เส้นทางของจักรวาล (Lanes Between) ที่เอราคุสเตรียมไว้เพื่อการเดินทางไปมาระหว่างดวงดาวต่าง ๆ

KH3D – โซระ ริคุ – รับการทดสอบเป็นมาสเตอร์ เดินทางไปมาระหว่างดวงดาวที่หลับใหล เปิดรูกุญแจของดวงดาวเหล่านั้นเพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากการหลับใหล

นอกจาก KH1 ที่โซระปิดรูกุญแจแล้ว ในภาคอื่น ๆ ล้วนเป็นการเปิดรูกุญแจ

11. Kingdom Hearts


การรวมตัวของหัวใจทั้งปวงบนโลกนี้ (ความหมายจริง ๆ คือในจักรวาลนี้) เรียกอีกอย่างว่าอาณาจักรแห่งหัวใจ หรือศูนย์กลางของดาวทั้งปวง และยังเป็นแหล่งพลังงานอันยิ่งใหญ่ และแหล่งความรู้อันไม่มีที่สิ้นสุด

ในอดีตกาล ผู้คนมอง Kingdom Hearts ว่าเป็นหัวใจแห่งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ จึงพยายามจะแย่งชิงมันมา ทำให้เกิดสงครามที่ทำลายล้างโลก (ที่จริงหมายถึงจักรวาลนั่นแหละ) เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว ปัจจุบัน Kingdom Hearts จึงถูกผนึกไว้อย่างหนาแน่นและไม่อาจเข้าถึงได้ง่าย ๆ ในหมู่ขั้วอำนาจมืดนั้น มาสเตอร์เซอานอร์ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่ง Kingdom Hearts แต่แล้วโซระจะคอยสู้และหยุดยั้งเขาอยู่เสมอ

12. Kingdom Hearts แห่งดวงดาว (Kingdom Hearts ใน KH1)


การรวมตัวของหัวใจของดาวต่าง ๆ จนกลายมาเป็น Kingdom Hearts หนทางเดียวในการเปิดเส้นทางสู่ Kingdom Hearts นี้ คือการใช้คีย์เบลดจากหัวใจของบุคคลซึ่งสร้างจากหัวใจของเจ้าหญิงทั้งเจ็ด ใน KH1 มาเลฟิเซนต์และอันเซม (ตัวปลอม) ได้ใช้ฮาร์ทเลสแย่งชิงหัวใจของดวงดาวต่าง ๆ และแสวงหา Kingdom Hearts แห่งดวงดาว

13. Kingdom Hearts แห่งบุคคล (Kingdom Hearts ใน KH2 และ KH3D)


การรวมตัวของหัวใจของผู้คนจนกลายมาเป็น Kingdom Hearts กลุ่มจูซังคิคังเชื่อว่าการสร้างมันให้สำเร็จจะทำให้พวกเขาสมบูรณ์อีกครั้ง จึงเริ่มต้นรวบรวมหัวใจจากฮาร์ทเลสเพื่อสร้าง Kingdom Hearts แห่งบุคคล หัวหน้ากลุ่มจูซังคิคังกลับมีแผนอื่นอยู่ เขาตั้งใจจะใช้ Kingdom Hearts แห่งบุคคลเพื่อฝังหัวใจของเซอานอร์ทเข้าไปในสมาชิกแต่ละคน ในฐานะภาชนะสำหรับความมืดทั้ง 13

Kingdom Hearts แห่งบุคคลซึ่งยังไม่สมบูรณ์นั้นได้ลอยอยู่เหนือปราสาทของกลุ่มจูซังคิคัง

14. Kingdom Hearts ที่แท้จริง (Kingdom Hearts ใน BBS และ KH3D)


แตกต่างไปจาก Kingdom Hearts ทั้งสองที่มนุษย์สร้างขึ้นตามด้านบน Kingdom Hearts นี้ดำรงอยู่มาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของโลก (จักรวาล) แต่นานมาแล้วในช่วงสงครามคีย์เบลด มันได้ถูกปกคลุมด้วยความมืด แต่ด้วยการใช้ χ เบลดที่เป็นของคู่กัน เชื่อกันว่า Kingdom Hearts ที่แท้จริงจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เป้าหมายของเซอานอร์ทคือการได้มาซึ่ง χ เบลด และเปิด Kingdom Hearts ที่แท้จริง เพื่อนำพาสงครามคีย์เบลดครั้งใหม่ให้มาถึง

15. ประตูแห่งความมืดและประตูแห่งแสงสว่าง


ประตูสู่ Kingdom Hearts ยังเป็นประตูแห่งความมืดซึ่งเชื่อมต่อไปยังโลกแห่งความมืดอีกด้วย เฉพาะผู้ที่ปกคลุมด้วยความมืดเท่านั้นจึงจะผ่านประตูแห่งความมืดไปได้ การจะปิดผนึกประตูนี้ จำเป็นต้องใช้คีย์เบลดจากโลกแห่งแสงสว่างและคีย์เบลดจากโลกแห่งความมืด คนหนึ่งต้องอยู่ในโลกแห่งความมืด และอีกคนต้องอยู่ในโลกแห่งแสงสว่าง เพื่อจะรวมพลังกันปิดประตูจากทั้งสองฝั่ง

สิ่งที่เป็นของคู่กับประตูแห่งความมืด ก็ต้องประตูแห่งแสงสว่าง ประตูนี้ทำให้ผู้ที่มาจากโลกแห่งแสงสว่างแต่หลงทางอยู่ในโลกแห่งความมืด สามารถกลับไปยังโลกแห่งแสงสว่างได้ และมันจะปรากฏตัวขึ้นราวกับว่ามันอยู่ในใจของบุคคลผู้นั้น (ดั่งที่ริคุชี้ว่ามันมาจากใจของโซระ)

ราชามิคกี้ใช้คีย์เบลดที่ได้มาจากโลกแห่งความมืด ร่วมมือกับโซระที่อยู่ในโลกแห่งแสง เพื่อปิดผนึกประตูแห่งความมืด

ตอนที่โซระและริคุหลงอยู่ในโลกแห่งความมืด พวกเขาพบความหวังในจุดหมายที่ได้รับจากไคริ จากนั้นพวกเขาจึงพบประตูแห่งแสงสว่างได้

(ใน Another Report คุณโนมุระพูดต่างกับข้อมูลตรงนี้หน่อย โดยเขาบอกว่าสถานที่ซึ่งโซระและริคุหลงเข้าไปในตอนท้ายของ KH2 คือชายหาดของทะเลแห่งความมืด ซึ่งเป็นทะเลที่กั้นระหว่างโลกแห่งความมืดและโลกระหว่างกลาง โดยพวกโซระอยู่ในโลกระหว่างกลาง –ไม่ใช่โลกแห่งความมืด- และกำลังมองไปยังโลกแห่งความมืด ตรงข้ามกับอควอและอันเซมที่หลงไปอยู่ในชายหาดของทะเลเดียวกัน แต่พวกเธออยู่ในโลกแห่งความมืด –ไม่ใช่โลกระหว่างกลาง- และกำลังมองไปยังโลกระหว่างกลาง)

16. เจ้าหญิงทั้งเจ็ด


ผู้หญิง 7 คนที่มีหัวใจแห่งแสงบริสุทธิ์ที่ปราศจากความมืดมิดใด ๆ การดำรงอยู่ของพวกเธอเป็นรากฐานให้กับแสงสว่าง เหล่าขั้วอำนาจมืดพยายามตามหาพวกเธอ เนื่องจากหัวใจของพวกเธอนั้นสามารถเปิดทางไปสู่ Kingdom Hearts ได้

เจ้าหญิงทั้งเจ็ดนั้น ได้แก่เบลล์ สโนวไวท์ ออโรร่า อลิซ จัสมิน ซินเดอเรลลา และไคริ

แม้เจ้าหญิงทั้งหมดจะอาศัยอยู่ในโลกคนละใบ แต่เหล่าวายร้ายก็สามารถลักพาตัวพวกเธอทุกคน และใช้หัวใจบริสุทธิ์ของพวกเธอสร้างคีย์เบลดจากหัวใจของบุคคลได้

17. โลก (จักรวาล)


เรื่องราวของ Kingdom Hearts เกี่ยวกับหัวใจของผู้คนที่เชื่อมโยงถึงกัน ไม่ว่าในโลกแห่งแสงสว่างหรือโลกแห่งความมืด

ใน Kingdom Hearts ดินแดนหลักสำหรับดวงดาวทั้งหลายก็คือโลกแห่งแสงสว่าง โลกแห่งความมืด และโลกระหว่างกลาง โดยดวงดาวมากมายตั้งอยู่ในโลกแห่งแสงสว่าง และดาวแต่ละดวงก็ทำให้เกิดเป็นดาวบนฟากฟ้า

18. โลกแห่งแสงสว่าง (จักรวาลแห่งแสงสว่าง)


โลกที่ผู้คนอาศัยอยู่นั้นเคยเปี่ยมล้นด้วยแสงสว่าง ครั้งหนึ่งนานมาแล้วโลกนี้ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียว แต่มันถูกทำลาย และแยกจากกันเป็นดาวดวงเล็กนับไม่ถ้วน แล้วดาวแต่ละดวงก็ถูกปกคลุมด้วยบาร์เรียร์ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยปกติแล้วหากไม่มีวิธีการเดินทางพิเศษ ก็จะไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างดาวได้ แต่ที่เหนือไปกว่านั้น การเดินทางไปมาระหว่างดาวโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของดาวแต่ละดวง ก็อาจทำให้เกิดความโกลาหล ดังนั้นปกติ (การเดินทางระหว่างดาว) จึงถูกห้ามเอาไว้

ดาวแต่ละดวงจะมี “หัวใจของดวงดาว” อยู่ภายใน การจะเข้าไปยังที่แห่งนั้นต้องเปิดประตูเข้าไป ซึ่งจะส่งผลให้กำแพงพลังความมืด (บาร์เรียร์ของดาวแต่ละดวง) พังทลายลง ชิ้นส่วนของกำแพงจะกลายเป็นดาวตกลงมา และใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับกุมิชิพได้

ด้วยความตั้งใจที่จะไม่สร้างความโกลาหลแก่ดาวดวงอื่น โดนัลด์และกู๊ฟฟี่จึงถอดชุดพระราชทานของปราสาทดิสนีย์ (มาใส่ชุดธรรมดา) และปิดบังตัวตนที่แท้จริงไว้ในระหว่างการเดินทาง

19. เดต้าเวิลด์


โลกจำลองที่สร้างจากเดต้า นอกจากโลกที่ราชามิคกี้สร้างจากเดต้าของบันทึกฉบับแรกของจิมินี่ใน KH coded แล้ว ก็ยังมีโลกที่ DiZ สร้างให้ร็อคซัสใช้ชีวิตช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปลอม ๆ เมืองสนธยาใน KH2 และมีโลกอื่น ๆ อีกเช่นกัน

เมืองสนธยาที่ร็อคซัสใช้เวลาอยู่ในช่วงนั้น อยู่ในเดต้าเวิลด์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพ็อดที่โซระหลับอยู่

20. โลกแห่งการหลับใหล


ใน KH1 หลังจากโซระกำจัดอันเซม (ตัวปลอม) ได้แล้ว ดวงดาวมากมายที่ถูกความมืดกลืนกินไปก็ฟื้นกลับมา แต่ก็มีดาวส่วนน้อยที่ยังคงหยุดนิ่งและหลับใหล โลกที่ติดอยู่ในการหลับใหลกลายมาเป็นพื้นฐานของ KH3D หากตามหารูกุญแจแห่งการหลับใหล และใช้คีย์เบลดเปิดผนึก จะทำให้ดาวเหล่านั้นตื่นขึ้น และทำให้มันกลับสู่ที่ทางเดิมของมัน

21. การเดินทางไปมาระหว่างดาว

แบ็ึคกราวด์สีฟรุ๊งฟริ๊งคือทะเลแห่งดวงดาว

ดาวแต่ละดวงในโลกแห่งแสงสว่าง ล่องลอยอยู่บนสถานที่ที่เรียกว่าทะเลแห่งดวงดาว หรือทะเลมิติ โซระและผองเพื่อนใช้กุมิชิพเพื่อเปิดเส้นทางพิเศษ และเดินทางไปมาระหว่างดวงดาว

22. กุมิชิพ


ยานที่ใช้ท่องข้ามทะเลแห่งดวงดาว ถูกสร้างขึ้นที่ปราสาทดิสนีย์ โดยสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของกำแพงแห่งดวงดาว (กุมิ) และขับเคลื่อนด้วยพลังจากรอยยิ้ม

จากภายนอก กุมิชิพอาจดูเหมือนของเล่น แต่มันมีความสามารถในการท่องข้ามทะเลแห่งดวงดาว และต่อสู้กับยานของพวกฮาร์ทเลส

23. สะเก็ดดวงดาว


ชิ้นส่วนของกำแพงแห่งดวงดาวที่พังทลาย กลายมาเป็นดาวตก ในภาค KH BBS ราชามิคกี้ได้นำสะเก็ดดวงดาวไปจากหอคอยปริศนา เพื่อจะเดินทางไปมาระหว่างดาว

(กำแพงดวงดาว เมื่อพังทลายกลายเป็นชิ้นส่วน ก็จะตกลงสู่ดาวนั้น ๆ ชิ้นส่วนที่ตกลงมาก็จะเรียกว่าสะเก็ดดวงดาว แต่ถ้าเอาไปสร้างเป็นยานกุมิชิพ ก็จะเรียกชิ้นส่วนแต่ละชิ้นว่ากุมิบล็อค)

24. เส้นทางระหว่างกลาง / เส้นทางแห่งความมืด


หนึ่งในวิธีที่ใช้เดินทางระหว่างดวงดาว ก็คือใช้เส้นทางระหว่างกลาง (ในภาค BBS ภาษาอังกฤษเรียก Lanes Between) ซึ่งผู้ถือครองคีย์เบลดสามารถเปิดเส้นทางได้ด้วยพลังของคีย์เบลด ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่ปกคลุมด้วยความมืดสามารถใช้พลังแห่งความมืดเปิดเส้นทางได้เช่นกัน แต่เป็นเส้นทางอันแตกต่างออกไปซึ่งเรียกว่าเส้นทางแห่งความมืด การเดินผ่านเส้นทางใดทางหนึ่งนี้ หัวใจและร่างกายของผู้นั้นจะถูกความมืดกันกิน ดังนั้น กระทั่งผู้ที่ปกคลุมด้วยความมืดหากใช้เส้นทางนี้ก็จะเป็นอันตรายใด

เส้นโยงใยระหว่างดาวนั้นคือเส้นทางระหว่างกลาง

เทอร์ร่า อควอ และเวนตุส สามารถเปิดประตูสู่เส้นทางได้ ซึ่งเอราคุสเป็นคนเตรียมไว้ให้ พวกเขาเดินทางไปตามเส้นทางโดยใช้การเปลี่ยนรูปร่างคีย์เบลด (เป็นยานพาหนะ)

ชุดคลุมดำของกลุ่มจูซังคิคัง ชุดสีแดงของ DiZ และเกราะของเทอร์ร่า ควอ และเวนตุส ล้วนช่วยปกป้องพวกเขาในระหว่างที่เดินทางผ่านเส้นทางเหล่านั้น

25. โลกแห่งความมืด (จักรวาลแห่งความมืด)


โลกอันแตกต่าง ซึ่งเป็นด้านตรงกับกับโลกแห่งแสงสว่าง ปกติแล้วไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ แต่จะอุดมไปด้วยฮาร์ทเลส และสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด

ประตูที่เชื่อมต่อไปยังโลกแห่งแสงสว่างและโลกแห่งความมืด คือประตูแห่งความมืด และประตูแห่งแสงสว่าง เฉพาะผู้ที่มาจากโลกแห่งแสงสว่างเท่านั้นจึงจะผ่านประตูแห่งแสงสว่างไปได้ และเฉพาะผู้ที่มาจากโลกแห่งความมืดเท่านั้น จึงจะผ่านประตูแห่งความมืดไปได้

ที่แห่งนี้คือชายหาดของทะเลแห่งความมืด จากฝั่งโลกแห่งความมืด

ตอนที่อันเซม (ตัวปลอม) ยึดร่างของริคุไปได้ หัวใจของริคุก็ถูกส่งเข้าไปในโลกแห่งความมืด และแม้จะได้ร่างกายกลับคืนมาแล้ว ริคุก็ยังติดอยู่ภายในนั้น

26. โลกระหว่างกลาง (จักรวาลระหว่างกลาง)


โลกที่อยู่ระหว่างแสงสว่างและความมืด ประกอบด้วยดาวจำนวนน้อยยิ่งกว่าจำนวนดาวในโลกแห่งแสงสว่าง มิติของที่แห่งนี้ไม่ค่อยเสถียร และทางเข้าสู่เส้นทางแห่งความมืดอาจเปิดออกมาอย่างฉับพลันเมื่อใดก็ได้

ดาวต่าง ๆ เรียงรายกันในลักษณะนี้ :

โลกแห่งแสงสว่าง – สวนประกายแสง (ปราการอันว่างเปล่า), เกาะแห่งชะตากรรม, ปราสาทดิสนีย์
โลกระหว่างกลาง (ค่อนไปทางโลกแห่งแสงสว่าง) – หอคอยปริศนา
โลกระหว่างกลาง (อยู่ตรงกลาง ค่อนไปทางโลกแห่งแสงสว่าง) – เมืองสนธยา
โลกระหว่างกลาง (อยู่ตรงกลาง ค่อนไปทางโลกแห่งความมืด) – ปราสาทลืมเลือน
โลกระหว่างกลาง (ค่อนไปทางโลกแห่งความมืด) – โลกที่ไม่เคยมีอยู่จริง
โลกแห่งความมืด – ชายแดนแห่งความมืด

27. ขั้วอำนาจมืด


หมายถึงกลุ่มผู้ที่ขัดขวางโซระ ทั้งฮาร์ทเลส โนบอดี้ รวมถึงผู้ที่ควบคุมมันอยู่อย่างกลุ่มจูซังคิคัง และเหล่าวายร้าย โซระและผองเพื่อนต้องต่อสู้กับขั้วอำนาจมืดเพื่อนำสันติสุขกลับคืนมาสู่โลกแห่งแสงสว่าง

28. ฮาร์ทเลส


ผู้ปราศจากจิตใจ เป็นความมืดที่กำเนิดขึ้นจากความมืดมิด เป็นการแปลงรูปของความมืดในหัวใจของบุคคล ซึ่งปรากฏขึ้นเมื่อหัวใจของบุคคลพ่ายแพ้ต่อความมืด ไม่มีความนึกคิดและเจตจำนง เพียงไล่ล่าไปตามสัญชาตญาณแห่งความมืด และตามหาหัวใจของดวงดาว อีกทั้งพยายามช่วงชิงหัวใจของผู้ที่เข้าใกล้ เพื่อที่จะเพิ่มจำนวนเผ่าพันธุ์ให้มากขึ้น

ฮาร์ทเลสนั้นมีด้วยกันหลายชนิด แต่แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่; พวกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเรียกว่าฮาร์ทเลส “เลือดบริสุทธิ์” และประมาณ 10 ปี ก่อนหน้า KH1 ระหว่างการทดลองของเซอานอร์ท (ผู้แสวงหาความมืด-อันเซมตัวปลอม) ได้ให้กำเนิดฮาร์ทเลสประเภท “ตราสัญลักษณ์” ขึ้นมา จากการแทรกแซงของอันเซม (ตัวปลอม) ฮาร์ทเลสจึงเริ่มปรากฏตัวขึ้นในโลกแห่งแสงสว่างเป็นจำนวนมาก แต่ตอนที่เขาถูกโค่นลงใน KH1 ก็ช่วยให้ฮาร์ทเลสมีจำนวนลดลง ทว่าตราบใดที่ความมืดยังคงสถิตอยู่ในหัวใจของมนุษย์ ฮาร์ทเลสก็จะคงอยู่ตลอดไป

ขั้วอำนาจมืดมากมายที่ใช้ฮาร์ทเลสขัดขวางโซระ ท้ายที่สุดก็ตกสู่ความมืดและถูกฮาร์ทเลสครอบงำเสียแทน

29. เลือดบริสุทธิ์


ฮาร์ทเลสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถ้าถูกกำจัดด้วยคีย์เบลด หัวใจนั้นก็จะถูกปลดปล่อย ฮาร์ทเลสจำนวนมากในโลกก็เป็นพวกนี้ โดยเฉพาะในโลกแห่งความมืดนั้น อุดมไปด้วยฮาร์ทเลสเลือดบริสุทธิ์

ตัวอย่างเช่น : ชาโดว์

30. ตราสัญลักษณ์


เซอานอร์ทและศิษย์คนอื่น ๆ ของอันเซม ได้สร้างฮาร์ทเลสขึ้นด้วยการทดลองก่อความมืดขึ้นในหัวใจ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามันคือความขัดแย้งอันเกิดจากฝีมือของเซอานอร์ท พวกมันจึงถูกประทับตรา X ลงไปเป็นสัญลักษณ์

ตัวอย่างเช่น : โซลเยอร์, ซีนีออน

31. โนบอดี้


คู่ของฮาร์ทเลส ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมอนสเตอร์แห่งความมืดซึ่งได้รับชื่ออันเหมาะสม พวกมันปรากฏตัวขึ้นเมื่อบุคคลที่มีหัวใจแข็งแกร่งได้กลายเป็นฮาร์ทเลส พวกมันส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายสีขาว แต่โนบอดี้พิเศษจำนวนน้อยที่เกิดจากหัวใจที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง จะสามารถคงรูปร่างมนุษย์เอาไว้แม้จะกลายเป็นโนบอดี้ไปแล้ว

ตรงข้ามกับฮาร์ทเลสที่เป็นความมืดในหัวใจ โนบอดี้คือร่างกายและวิญญาณที่แยกออกจากหัวใจ แม้จะปราศจากอารมณ์ แต่โนบอดี้มีความทรงจำและสติปัญญา ทำให้สามารถทำงานเป็นกลุ่มได้ และเนื่องจากตัวตนของพวกมันนั้นอยู่ในสภาวะล่อแหลม หากถูกทิ้งไว้ตัวคนเดียว ท้ายที่สุดมันก็จะกลืนหายไปกับความมืดมิด

หากหัวใจได้ถูกปลดปล่อยจากสภาวะฮาร์ทเลส และโนบอดี้ได้ถูกทำลายไปแล้ว ร่างมนุษย์ก็จะฟื้นกลับมาอีกครั้ง

ตัวอย่างเช่น : ดัสค์

กลุ่มจูซังคิดคังสามารถออกคำสั่งกับโนบอดี้ที่ต่ำชั้นกว่าได้

(ในรายงานลับของอันเซม ฉบับที่ 4 ระบุว่าร่างกายและวิญญาณต้องอยู่ด้วยกันเสมอ หากร่างกายแยกจากวิญญาณ ชีวิตนั้นก็จะถึงแก่ความตาย)

32. อันเวิร์ส


เกิดขึ้นจากความรู้สึกโกรธและเกลียด มอนสเตอร์แห่งความมืดได้รับชื่อมาจากการที่มันจดจำตัวตนเดิมของมันไม่ค่อยได้ ใน KH BBS พวกมันปรากฏตัวขึ้นในโลกแห่งแสงสว่าง สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนไปทั่ว พวกมันกลายร่างมาจากอารมณ์ทางลบที่วานิทัศสั่งสมเอาไว้ และเมื่อวานิทัศถูกเวนตุสกำจัด พวกมันทั้งหมดก็หายไป

ตัวอย่างเช่น : ฟลัด

33. ดรีมอีทเตอร์


สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในดวงดาวที่ติดอยู่ในการหลับใหล และกินความฝันเป็นอาหาร พวกมันแบ่งออกเป็นพวกที่สร้างฝันร้าย เรียกว่าไนท์แมร์ และพวกที่กินฝันร้าย เรียกว่าสปิริต ซึ่งพวกสปิริตนั้นได้ให้โซระและริคุยืมพลังไปใช้

ตัวอย่างเช่น : วันดาเนียน

34. กลุ่มจูซังคิคัง


กลุ่มโนบอดี้ทรงพลังที่สามารถคงรูปลักษณ์ครั้งยังเป็นมนุษย์เอาไว้ได้ กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยสมาชิก 13 คน และชื่อของพวกเขาทั้งหมดเป็นการนำเอาชื่อตอนเป็นมนุษย์มาเรียงตัวอักษรใหม่ โดยรวมเครื่องหมายของความขัดแย้ง เครื่องหมาย X ลงไป

โนบอดี้เหล่านี้ตระหนักว่าพวกเขาเป็นตัวตนที่ไม่สมบูรณ์ และเชื่อว่าหากพวกเขาสามารถสร้าง Kingdom Hearts จากหัวใจของบุคคลได้สำเร็จ พวกเขาก็จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ทว่าพวกเขาก็ถูกทำลายโดยโซระและผองเพื่อน แต่ถึงกระนั้น กลุ่มยังมีเป้าหมายลับคือการจัดหาความมืดทั้ง 13 และเมื่อใกล้สมบูรณ์ พวกเขาจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งในฐานะกลุ่มจูซังคิคังที่แท้จริง

สมาชิกกลุ่มประกอบด้วย : เซมุนัส, ซิกบาร์, ซัลดิน, วิกเซน, เล็กเซอุส, เซ็กชิออน, ไซค์, แอ็คเซล, เดมิกซ์, ลุคซอร์ด, มาร์ลูเซีย, ลักซีน, ร็อคซัส และ ชิออน

สมาชิกหมายเลข 1 – 6 ต่างเป็นลูกศิษย์ของจอมปราชญ์อันเซม ส่วนสมาชิกคนสุดท้าย ชิออน ไม่ถูกนับเป็นสมาชิกกลุ่มอย่างเป็นทางการ ดังนั้น เธอจึงได้รับหมายเลข i ซึ่งเป็นจำนวนจินตภาพ

35. จูซังคิคังที่แท้จริง (ชินโนะจูซังคิคัง)


เซอานอร์ทและร่างแยกของเขาได้สร้างผู้แสวงหาความมืดทั้ง 13 ขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่จะให้ความมืดทั้ง 13 ปะทะกับแสงสว่างทั้ง 7 เพื่อหลอม χ เบลดให้เกิดขึ้น ใน KH3D นั้น กลุ่มได้มีสมาชิก 12 คนแล้ว และจาก 12 คนนั้น มี 6 คนที่เปิดเผยต่อโซระและผองเพื่อนแล้ว ได้แก่ มาสเตอร์เซอานอร์ท, อันเซม (ตัวปลอม), เซมุนัส, ซิกบาร์, ไซค์ และเซอานอร์ทหนุ่ม

36. เหล่าวายร้าย


มาเลฟิเซนต์และพีท พร้อมกับคนอื่น ๆ ที่เป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ Disney สร้างกลุ่มนี้ขึ้นมา พวกเขาใช้ฮาร์ทเลสและพลังแห่งความมืดเพื่อขัดขวางการเดินทางของโซระ

ใน KH1 มาเลฟิเซนต์และตัวร้ายคนอื่น ๆ ได้สมคบคิดกันเพื่อให้ได้มาซึ่ง Kingdom Hearts (แห่งดวงดาว)

ไม่มีความคิดเห็น