FFXII - เนื้อเรื่องม็อบตัวที่ 39

39. แครอท

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในวันที่ ซามมาเดรีย (Zammadria) คุณหญิงจากอาร์เคเดียได้เดินทางมายังป้อมปราการนัลบิน่าเพื่อเยี่ยมเยียนสามีของเธอที่ทำงานอยู่ที่นี่ ในการเดินทางมายังนัลบิน่านั้นเธอไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่ยังพา “แครอท” สัตว์เลี้ยงน่ารักคู่ใจเธอมาด้วย ทว่าอนิจจา...ปัญหามันเกิดขึ้นในตอนที่เธอเผลอละสายตาไปจากเจ้าแครอทเพียงแป๊ปเดียว พอหันกลับมาเจ้าแครอทมันก็เผ่นไปแล้ว

ซามมาเดรียคิดว่าแท้จริงแล้วเจ้าแครอทมันเป็นสัตว์ป่า ดังนั้นการที่เธอเอามันมาเลี้ยงอาศัยในเมืองคงจะทำให้มันรู้สึกคิดถึงบ้านของมันมาก ดังนั้นเธอจึงรู้สึกสงสารมัน เลยตัดใจที่จะออกตามหามันและไม่หวังว่าจะได้พบมันอีกครั้ง ทว่าไม่กี่วันต่อมาผู้คนต่างก็พากันพูดถึงสัตว์ร้ายที่ไล่เขมือบนักท่องเที่ยวกินเป็นอาหาร พอข่าวลือเรื่องนี้ลอยมาถึงหูของซามมาเดรีย เธอก็มั่นใจว่าเจ้าสัตว์ร้ายนั่นต้องเป็นแครอทของเธอแน่ๆ

ในตอนนี้ซามมาเดรียคิดว่าหายนะอาจจะมาเยือนเธอในไม่ช้า ถ้าเกิดผู้คนรู้เข้าว่าซามมาเดรียเป็นเจ้าของเจ้าสัตว์ร้ายนั่นล่ะก้อ นี่ต้องกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ ชื่อของเธอก็คงจะเหม็นไปทั่วทุกที่แน่ๆ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น ซามมาเดรียจึงได้นำคำร้องไปไหว้วานกับมองบลังซ์ เพื่อให้มองบลังซ์ช่วยหาฮันเตอร์ที่เก่งกาจที่จะมากำราบแครอทให้ล้มตายไปโดยเร็วที่สุด

หลังจากที่เรารับเรื่องจากมองบลังซ์แล้ว แครีน (Krjn) ฮันเตอร์สาวชาววิเอร่าประจำแคลนจะขออาสาตามเราไปช่วยล่าแครอทด้วย เธอคิดว่านี่เป็นโอกาสในการฝึกฝนตนเอง นักรบก็ต้องสู้เพื่อรักษาความเฉียบคมไว้เสมอ เราจะตกลงให้แครีนไปกับเราด้วย หลังจากนั้นแครีนจะบอกให้เราไปจัดการติดต่อกับผู้ว่าจ้าง ส่วนเธอจะขอล่วงหน้าไปตามหาเจ้าแครอทนั้นก่อน

พอเราไปคุยธุระกับผู้จ้างวานเสร็จแล้ว ซามมาเดรียจะบอกเราว่าแครอทคงกำลังไปแตกหน่ออยู่ในป่าสาลิกาเพราะคนที่ตกเป็นเหยื่อของมันก็มักจะเป็นคนที่กำลังเดินทางผ่านป่านั้น นอกจากนี้เธอยังบอกใบ้ว่าเจ้าแครอทเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีประสาทสัมผัสไวมาก แถมมันยังขี้ตื่นเหมือหนูเลยด้วย ดังนั้นถ้าเกิดมันรู้สึกได้ว่าสัตว์รอบๆ ตัวมันกำลังโดนฆ่า มันก็จะหนีไปซ่อนตัวทันที จากนั้นเธอจะขอให้เราฆ่ามันให้ได้โดยเร็วที่สุดเพราะเธอไม่อยากให้เจ้าแครอทต้องทุกข์ทรมานอยู่นาน




เราจะเดินทางไปยังป่าสาลิกาและได้พบกับแครีนที่รอเราอยู่ เธอบอกว่าเธอมองเห็นเป้าหมายอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แต่มันดูดุร้ายไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงเลยซักนิด เราจะเดินเข้าไปในป่าและร่วมมือกับแครีนกำจัดแครอท หลังจากที่แครอทตายแล้ว แครีนก็จะชมว่าเราเก่งกว่าที่เธอคิดมาก เธอเลยแทบไม่มีโอกาสโชว์ฝีมือเลย

พอจบเรื่องแล้วเราจะกลับไปคุยกับซามาเดรียเพื่อรับคำขอบคุณและของรางวัลจากเธอ ซามมาเดรียจะดีใจมากที่ในที่สุดเจ้าแครอทก็จะได้พักอย่างเป็นสุขเสียที พอเราเล่าให้เธอฟังว่าจริงๆ แล้วเจ้าแครอทมันเป็นมอนสเตอร์สายพันธุ์มาลโบโร่ เธอก็จะตกใจมากและเริ่มเล่าเรื่องอดีตของเธอให้ฟัง เธอบอกว่าเธอกับสามีแต่งงานกันเพราะความใคร่ที่มีต่อกันในวัยเยาว์ แต่พอเวลาผ่านไปความใคร่ดังกล่าวก็ค่อยๆ ลดหายไป วันหนึ่งสามีของเธอก็ถูกส่งตัวมาประจำการที่นัลบิน่า เธอก็ตามมาส่งสามีด้วย และในตอนนั้นเองเธอก็ได้พบกับแครอทที่กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ สามีของเธอเห็นรูปร่างของแครอทแล้วก็ดูกังวลกับมันมาก เธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าสามีจะรู้สึกต่อต้านเจ้าแครอทมากแค่ไหน ดังนั้นใจนึงเธอก็คิดอยากจะให้เจ้าแครอทมันหนีไปเพื่อที่สามีจะได้สบายใจ แต่ตอนนี้เจ้าแครอทก็ได้ตายไปแล้ว

ซามมาเดรียจะเรียก โจวี่ (Jovy) ให้มาหาเธอ พอโจวี่มาถึงก็เข้ามาถามด้วยความห่วงใยว่าได้พบกับสามีหรือยัง และเรื่องของแครอทเป็นยังไงบ้างแล้ว ซามมาเดรียบอกว่าสามีของเธอก็เป็นเหมือนเคย ส่วนเรื่องแครอทนั้นเธอได้เรามาช่วยแก้ปัญหาให้แล้ว โจวี่จะหันมามองหน้าเราแล้วพอสบตากันเขาก็จะวิ่งหนีไป

ซามมาเดรียจะแปลกใจมากที่จู่ๆ โจวี่ก็ดันวิ่งหนีไปซะอย่างงั้น เธอบอกว่าจริงๆ แล้วโจวี่เป็นเด็กดีมาก เขาเป็นชาวราบานัสต้าแต่กับยอมคุยกับเธอที่มาจากอาร์เคเดีย ดังนั้นเราจึงสามารถเป็นเพื่อนกันได้อย่างรวดเร็ว จะว่าไปแล้วตอนนี้เธอก็เริ่มเกรงว่าในไม่ช้าผู้คนที่อาร์เคเดียคงจะเรียกเธอว่า “มาดามมาลโบโร่” แน่ๆ แต่เธอก็พยายามคิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าเธอสามารถเลี้ยงมอนสเตอร์ได้ จะว่าไปแล้วเธอเองก็เริ่มมีความคิดที่จะเปิดร้านขายสัตว์ขึ้นมา เธอหวังว่าที่นั่นจะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่ไม่พึงประสงค์ และเธอก็จะเป็นคนเลี้ยงมันเอง ยังไงซะตอนนี้สามีของเธอก็ไม่ได้อยู่ในอาร์เคเดีย ถ้าเธอจะเปิดร้านขายสัตว์ดังกล่าวขึ้นในอาร์เคเดียก็คงไม่เป็นการรบกวนสามีของเธอ

หลังจากที่คุยกับมาดามเสร็จแล้วเราจะออกมาด้านนอกและได้พบกับโจวี่อีกครั้ง คราวนี้โจวี่จะขอมาคุยเปิดอกกับเราอย่างสบายๆ เขาจะชื่นชมว่าเราเป็นฮีโร่คนใหม่ของเขา และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

“4 ปีก่อนที่ราบานัสต้า ฉันโดนกล่าวหาว่าเป็นหัวขโมยทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไร แต่แล้วชายคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาช่วยฉันไว้ เขาก็คือฮีโร่คนเก่าของฉัน ก่อนหน้านั้นไม่นานเขาพึ่งจะสูญเสียพ่อแม่ไป แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเลี้ยงดูน้องชายของเขา เขาเป็นคนดีใช่มั้ย! ทว่าเขากลับเข้าไปพัวพันกับการลอบสังหารกษัตริย์รามินาส แล้วก็ตายจากไป”

“ฉันสูญเสียพลังที่จะก้าวเดินต่อ แต่แล้ว 2 ปีผ่านไปฉันก็เกิดอยากจะเห็นที่ๆ ฮีโร่ของฉันตาย ซึ่งก็คือที่นี่ แต่พอมาถึงแล้วผู้คนกลับนึกว่าฉันเป็นช่างก่อสร้าง พวกเขาเลยจับฉันมาช่วยงานกันยกใหญ่ แต่รู้มั้ยว่าฉันกลับมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากมายในที่แห่งนี้ ทุกคนต่างก็ดีกับฉันกันมาก พวกเขาเล่าเรื่องดีๆ ให้ฉันฟังมากมาย

“แล้ววันหนึ่งฉันก็ตระหนักได้ว่าคนที่ช่วยไล่ล่าเป้าหมายที่พวกเพื่อนฉันไปแปะป้ายร้องเรียนไว้ก็คือนาย การได้เห็นนายตามล่าเป้าหมายพวกนั้นอย่างตั้งใจ ทำให้ฉันเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา นายเป็นฮีโร่คนใหม่ของฉัน เมื่อการเดินทางของนายสิ้นสุดลง ฉันหวังว่าการซ่อมแซมป้อมปราการนี้จะเสร็จสิ้น พอถึงตอนนั้นฉันก็จะได้กลับไปยังราบานัสต้าเสียที หากเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปแล้วขอจงอย่าลืมนะว่านายก็คือฮีโร่ของฉัน ไม่สิ...ฮีโร่ของชาวนัลบิน่าทุกคน เอาล่ะ! ฉันจะกลับไปทำงานต่อแล้วนะ”

โจวี่จะลุกขึ้นแล้วก็ออกวิ่งไป แต่แล้วเขาก็ชะงักแล้วก็หันมาพูดกับเราอีกนิดก่อนที่จะวิ่งต่อไป

“เออนี่ ฮีโร่! นายดูคล้ายกับฮีโร่คนเก่าของฉันอยู่นิด แต่นายหล่อกว่าแน่นอน ไม่ต้องห่วงหรอกนะ”

“โอเค นายไปทำเรื่องของฮีโร่ต่อเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่ทำงานของฉันต่อแล้ว”

ใบ้กันถึงขนาดนี้แล้ว ก็เป็นที่แน่นอนล่ะครับว่าฮีโร่คนเก่าของโจวี่ก็คือเรคส์ผู้เป็นพี่ชายของวานนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น