คิตาเสะสลายมโน! ปฏิเสธ 5 ทฤษฎีดังจากแฟน ๆ FFVI VII VIII


ของโคตรดีย์~!! ทีมงานเว็บไซต์ Kotaku จับเข่าคุยกับคุณคิตาเสะ สอบถามข้อเท็จจริงของสารพัดทฤษฎีต่าง ๆ ในซีรีส์

สัปดาห์ที่ผ่านมาคุณโยชิโนริ คิตาเสะ ผู้อำนวยการอาวุโสของ Square Enix ที่ฝากผลงานชื่อก้องไว้มากมายรวมถึงการกำกับไตรภาค Final Fantasy ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (6-7-8) ได้ไปร่วมงานแสดงเกม PAX West 2017 ที่ Seattle ซึ่งในโอกาสนี้ คุณ Jason Schreier ทีมงานจากเว็บไซต์ Kotaku ได้ขอสัมภาษณ์เรื่องผลงานชิ้นล่าสุดที่แกอำนวยการสร้างอย่าง Mobius -Final Fantasy- ก่อนที่จะลามมาถามในหัวข้อทฤษฎีที่แฟน ๆ ตั้งกันไว้เกี่ยวกับ Final Fantasy ภาคเก่า ๆ ที่เป็นผลงานของแก โดยคุณคิตาเสะ พร้อมจะสลายมโนให้แฟน ๆ แล้วดังนี้

Kotaku : สำหรับทฤษฎีของ FFVI ที่ว่าเจ้าโกโก้ แท้จริงแล้วก็คือ ดาริล เพื่อนรักของเซ็ตเซอร์ ?

คิตาเสะ : ไม่น่าจริงนะ ผมไม่คิดว่าจะมีแบ็คกราวด์เซ็ตไว้แบบนั้น ดาริลมีจุดจบที่งดงามอยู่แล้ว ขืนเรื่องนั้นเป็นจริง ขืนเธอกลายมาเป็นโกโก้ มันจะพินาศกันหมดพอดี

ทาง Kotaku ยังถามต่ออีกว่าแล้วโกโก้มีตัวตนที่แท้จริงเป็นนายพลลีโอ หรือเอาแบ็คกราวด์มาจาก Adlai Stevenson รึเปล่า? แต่คุณคิตาเสะปฏิเสธแล้วบอกว่าทั้งโกโก้และอุมาโร่ ไม่ได้สืบทอดแบ็คกราวด์มาจากตัวละครไหนในเรื่อง

Kotaku : สำหรับทฤษฎีของ FFVIII ที่ว่าสคอลล์ตายตอนจบแผ่น 1 ช่วงที่ถูกหอกน้ำแข็งของอิเดียเสียบ หลังจากนั้นก็ฝันยาวตลอดเกม

คิตาเสะ : ไม่ ไม่จริงว้อย (หัวเราะ) ผมว่าที่จริงแล้วเขาโดนเสียบช่วงไหล่ ดังนั้นก็ไม่ได้ตาย แต่ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะ ถ้าสักวันเรารีเมค FFVIII ผมอาจเอาเรื่องนี้ไปคิดดู

Kotaku : กับทฤษฏีของ FFVIII ที่ว่า ริโนอา แท้จริงแล้วก็คือ อัลติมิเซีย

คิตาเสะ : ไม่ ไม่จริง ต่อให้รีเมคเกม ผมก็ไม่คิดจะใส่เรื่องแบบนั้นเข้าไปด้วย แต่ก็พูดได้ว่าทั้งริโนอาและอัลติมิเซียต่างก็เป็นแม่มดด้วยกัน ในแง่นั้นทั้งสองคนอาจคล้ายกัน แต่ก็ไม่ใช่คน ๆ เดียวกัน

Kotaku : กับทฤษฎีของ FFVII ที่ว่า Knights of Round แท้จริงแล้วก็คือชาวเซทร่าที่กำจัดเจโนว่าหลายพันปีก่อนหน้าเหตุการณ์ในเกม

คิตาเสะ : ทุกคนคิดลึกเกินไปแล้ว อ่านแต่ละบรรทัดมากเกิน (หัวเราะ) ทำให้อะไร ๆ ยากขึ้น มันโคตรไม่จริงเลย

คุณคิตาเสะยังเสริมอีกว่า คุณโนมุระ เป็นคนออกแบบมนต์อสูรทั้งหมดใน FFVII แต่ก็ไม่ได้คิดแบ็คกราวด์เนื้อเรื่องของอสูรแต่ละตัวเอาไว้ด้วย

Kotaku : กับทฤษฎีของ FFVII ที่ว่าเดิมทีแล้วตั้งใจจะให้แอริธคืนชีพได้ แต่สุดท้ายก็ตัดทิ้งไป

คิตาเสะ : เราได้ยินว่าในหมู่แฟน ๆ มีการคุยกันแบบนี้ เนื่องจากถ้าใช้บั๊คของเกมแล้วก็จะสามารถคืนชีพแอริธ และเธอก็จะอยู่กับเราจนจบเกมได้ มันอาจเป็นเรื่องดี เรื่องมหัศจรรย์หากสามารถชุบชีวิตตัวละครได้ แต่กับ FFVII เราอยากเลือกมองอีกมุมหนึ่ง มองไปยังชีวิตมนุษย์ และทำให้คนตระหนักว่า พวกเขาไม่มีวันคืนกลับมา

คุณคิตาเสะเสริมอีกว่าตอนเริ่มพัฒนา FFVII เขาเห็นบริษัทอื่นทำการสำรวจ โดยถามเด็ก ๆ ว่าคิดว่าคนที่ตายไปแล้วจะกลับมาคืนชีพได้มั้ย ซึ่งเด็กจำนวนกมากตอบกันว่าได้

"มีเรื่องมหัศจรรย์มากมาย อย่างเช่น เจ้าหญิงคืนชีพจากความตายเพราะจุมพิตจากเจ้าชาย สำหรับเด็ก ๆ แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่คนตายจะคืนชีพ เราก็เลยอยากจะตั้งคำถามกับไอเดียความคิดนั้น เราอยากพรรณาว่าชีวิตนั้นมีคุณค่า และอยากให้น้ำหนักกับทั้งการสูญเสียและการมีชีวิต นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ FFVII นั่นคือคอนเซปต์หลักของเรา"

Kotaku : และสุดท้าย กับทฤษฎีที่ว่าตัวละครชินระใน FFX-2 เป็นจุดเริ่มต้นของชินระใน FFVII และทั้งสองจักรวาลนั้นเกี่ยวข้องกัน

คิตาเสะ : ผมคงไม่อาจยืนยันว่ามันเป็นโลกเดียวกันได้ซะทีเดียว ชินระใน FFX-2 นั้นสร้างโดยคุณ (คาสึชิเงะ) โนจิมะ คนเขียนบท ตอนที่เขาคิดเรื่องชินระขึ้นมา เขาคิดว่าคงเจ๋งดีหากทำให้คนเล่นจิ้นกันได้ว่าหลังจากเรื่องราวของ FFX-2 ผ่านไปไม่กี่ปี ชินระก็เติบโตขึ้นและเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทชินระ นั่นเป็นสิ่งที่แกเปรยไว้แบบนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็ไม่ได้จะบอกว่ามันเป็นโลกเดียวกันซะทีเดียว

**สรุปว่าเรื่องริโนอา คุณคิตาเสะก็พูดเหมือนคุณโนจิมะว่าเป็นคนละคนกับอัลติมิเซีย

**ส่วนเรื่องชินระ ตามที่คุณโนจิมะเคยตอบไว้ก่อนว่าอยากให้จิ้นแบบนั้น คุณคิตาเสะก็ไม่อยากไปหักล้างแต่ก็ไม่ได้ตอบรับซะทีเดียว

Kotaku สรุปทิ้งท้ายว่า จาก 6 ทฤษฎีที่ถามไป.... ยังอยู่รอดได้ 1 ข้อ (ชินระ) ก็ถือว่าไม่เลว!

ไม่มีความคิดเห็น